สำหรับใครที่ใช้งานรถยนต์อยู่เป็นประจำ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์นั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเหมือนการที่คนเราควรตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อที่จะได้รู้ว่าสภาพเครื่องยนต์ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีความเสื่อมสภาพไปมาก-น้อยแค่ไหน และมีส่วนใดที่ผิดปกติจนต้องการการแก้ไขซ่อมแซมบ้าง หากตรวจพบเร็วก็จะแก้ไขได้เร็ว แล้วเครื่องยนต์ก็จะกลับมาใช้งานได้ดีเช่นเดิม และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุลงได้มากอีกด้วย เพราะเรื่องของอุบัติเหตุนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหลายอย่างแบบที่อาจจะคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว แม้จะมีความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ที่ดูแลอยู่ แต่ก็คงไม่มีใครอยากเสียเวลากับการจัดการเรื่องอุบัติเหตุหรอก จริงไหม?
ด้วยเหตุนี้ รถยนต์บางคันที่มีอายุการใช้งานนาน ๆ เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ยังคงมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีและไม่มีปัญหาให้ต้องเข้าอู่บ่อย ๆ ก็มาจากการที่เจ้าของรถหมั่นตรวจสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง แล้วถ้าอยากมีรถยนต์ที่สภาพดีให้ได้ขับขี่ไปนาน ๆ เริ่มต้นจากการตรวจสภาพรถยนต์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ตามแนวทางต่อไปนี้
ตรวจสภาพรถด้วยตนเองง่าย ๆ ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ
ใครที่กำลังเดินทางไกล ยิ่งต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเดินทาง เพื่อไม่ให้รถยนต์เกิดปัญหาระหว่างทาง หากเกิดขึ้นอาจแก้ปัญหาได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 เพราะฉะนั้นควรกันไว้ก่อนด้วยการตรวจสภาพรถยนต์โดยเริ่มต้นจาก
เช็กแบตเตอรี่
แหล่งพลังงานสำคัญอีกส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ มีสองประเภทคือแบบที่เติมน้ำกลั่นกับไม่ต้องเติมน้ำกลั่น โดยจะเช็กได้จากการทำงานของเครื่องยนต์ขณะสตาร์ทรถ สำหรับแบบที่ต้องเติมน้ำกลั่นให้สังเกตปริมาณน้ำกลั่นให้มีปริมาณที่ไม่ควรต่ำกว่ามาตรฐาน โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเมื่อมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
เช็กสภาพล้อและยางรถยนต์
ล้อและยางรถยนต์ที่ไม่สมบูรณ์อาจนำพาให้รถยนต์เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การจะขับขี่อย่างปลอดภัยต้องไม่ละเลยการดูแลบริเวณล้อและยางรถ โดยสังเกตสภาพความสึกหรอ ความลึกของดอกยาง และแรงดันลมยางที่อยู่ในปริมาณพอเหมาะ
- รถเก๋ง ควรมีแรงดันลมยาง 30 – 32 PSI
- รถกระบะ/รถยนต์ขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว ควรมีแรงดันลมยาง 36 – 38 PSI
เช็กระบบเบรก
ระบบเบรกเป็นเหมือนตัวช่วยลดความเสี่ยงและมีส่วนช่วยควบคุมความเร็วของรถยนต์ไม่ให้สูงเกินไป การที่รถยนต์มีระบบเบรกที่ดีก็อาจช่วยให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุได้ โดยเริ่มจากการเช็กจุดรั่วซึมตามสายส่งเบรค และเช็กสีกับปริมาณของน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่ปกติ สีน้ำมันเบรกไม่ควรคล้ำมากเกินไป หากคล้ำมากให้เปลี่ยนก่อนเดินทาง
และนี่ก็คือแนวทางสำหรับคนที่ต้องการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น ทั้งนี้ ขอแนะนำให้เช็กประกันรถยนต์ด้วย ว่ายังไม่ขาดอายุ หากกำลังมองหาความคุ้มครองใหม่ ๆ การเลือกประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ก็อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์
